ท่องเที่ยวเหี่ยวเจอบึ้มกลางกรุง

26/07/2010 11:41

ระเบิดกลางกรุง หน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ ทำท่องเที่ยวพังพาบ ความเชื่อมั่นหด 

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. เวลา 17.30 น. ได้เกิดเหตุระเบิดบริเวณป้ายรถเมล์ หน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ถนนราชดำริ มีผู้เสียชีวิต 1 คน ได้รับบาดเจ็บ 8 คน ผู้ได้รับบาดเจ็บแบ่งส่งโรงพยาบาล 3 แห่ง คือ โรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลหัวเฉียว และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

มีผู้อยู่ในเหตุการณ์ ระบุว่าคนร้ายได้ซุกระเบิดไว้ในถุงขยะแล้วเกิดระเบิดขึ้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นระเบิดชนิดตั้งเวลาจุดชนวนด้วยนาฬิกา ส่วนจะเป็นระเบิดชนิดใดนั้นอยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่สรรพา วุธ

นายปณิธาน วัฒนายากร รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้รายงานสถานการณ์ให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าเหตุการณ์ในประเทศยังไม่สงบ และยังมีความจำเป็นที่จะต้องคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ ทำให้ยังมีความจำเป็นในการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

"คนกลุ่มนี้ตั้งใจสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงขึ้นและดังนั้นการคง ประกาศการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงยังเป็นสิ่งจำเป็น เพราะจะทำให้การควบคุมพื้นที่และการดำเนินการจับกุมมีประสิทธิภาพมากขึ้น “นายปณิธาน กล่าว

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ได้มีการรายงานให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทราบแล้ว ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่คงต้องมีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น โดยจะมีการเพิ่มเจ้าหน้าที่ในจุดที่ต้องเฝ้าระวัง โดยก่อนหน้านี้ ก็ได้รับรายงานข่าวมาตลอดว่าอาจจะมีการก่อเหตุวางระเบิดในช่วงเทศกาลวันหยุด ติดต่อกัน

นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ว่าที่ส.ส.ปชป. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุลอบวางระเบิดหน้าห้างบิ๊กซีราชดำริ ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นที่ดินของภริยาตน คือ นางพัชรีภรณ์ ณ สงขลา วิกิตเศรษฐ์ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบเรื่องแต่คงเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า และขอแสดงความเสียใจกับเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ไม่อยากให้โยงไปเกี่ยวกับเรื่องทางการเมือง ที่เกี่ยวกับผลแพ้ชนะการเลือกตั้ง เพราะที่ผ่านมาการหาเสียงของตนก็ไม่มีความรุนแรง แม้ที่ดินบริเวณจุดเกิดเหตุ จะเป็นที่ดินของครอบครัวตนก็ตาม ทั้งนี้ที่ดินบริเวณดังกล่าว ก็เคยเป็นที่ชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง จนเกิดความรุนแรงขึ้นและครั้งนี้ก็อาจจะเป็นการสร้างสถานการณ์ก็เป็นได้

นายอภิชาติ สังฆอารี ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมผู้ประกอบการสัมพันธ์ไทยจีน กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัวอย่างแน่ นอน เพราะเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ และยิ่งเป็นการสะท้อนถึงการไม่ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของรัฐบาล ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่มั่นใจที่จะเดินทางมาไทย

สำหรับตลาดประเทศจีนนั้น ต้องรอดูว่ารัฐบาลจีนจะประกาศเตือนนักท่องเที่ยวให้ระวังการเดินทางมาไทย หรือไม่ หากมีการประกาศเตือน นักท่องเที่ยวจีนจะหยุดเดินทางมาไทยทันที จากปัจจุบันที่มีเดินทางเข้าประเทศไทยประมาณเดือนละ 4 หมื่นคน

“ตอนนี้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่เคยเป็นเมืองที่น่าเที่ยว ได้ถูกทำลายไปหมดแล้ว ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจะมีเหตุการณ์ความวุ่นวายเกิดขึ้นต่อไปหรือไม่ หากมีเหตุการณ์ความวุ่นวายเกิดขึ้นอีกก็ปิดฉากท่องเที่ยวปีนี้ได้เลย โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ทำได้แค่ 1011 ล้านคน จากเป้าที่รัฐบาลตั้งไว้ 14.5 ล้านคน” นายอภิชาติ กล่าว

นายสุรพล ศรีตระกูล นายกสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตตา) กล่าวว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในเรื่องความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวที่ภาคเอกชนพยายามสร้างให้ นักท่องเที่ยวต่างชาติ เชื่อมั่นว่าประเทศไทยกลับสู่ภาวะปกติก็ไร้ความหมายทันที

นายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่แย่มากที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ และย่อมจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนและการท่องเที่ยว แต่จะกระทบมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าจะยืดเยื้อหรือไม่

คุณคิดอย่างไรกับประเด็นนี้ ?

No comments found.

New comment



site statistics